LomoAmigo: โปรเจกต์ The River of Life ผ่านเลนส์ Nour Triplet Art ของโก๊ะ-ชลิต สภาภักดิ์ จากเพจ Kheansang Studio
Year of Culinary Journeys แม็กกาซีน — บทสัมภาษณ์จาก Kheansang Studio
ในโลกของการถ่ายภาพ เราคุ้นเคยกับชื่อของโก๊ะ‑ชลิต สภาภักดิ์ จากเพจ Kheansang Studio ในฐานะช่างภาพสารคดีที่ใช้ภาพถ่ายเป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่องและถ่ายทอดประเด็นทางสังคมและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด สำหรับบทสัมภาษณ์นี้จะพาทุกคนไปสำรวจแนวคิดอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนปกาเกอะญอโป่งลึก‑บางกลอยกับธรรมชาติอย่าง “The River of Life” ผ่านมุมมองและประสบการณ์ที่เขาได้รับจากการใช้เลนส์ Nour Triplet V 2.0/64 Bokeh Control Art ที่ทำให้ภาพถ่ายในโปรเจกต์นี้มีความพิเศษไม่เหมือนใคร

ที่มาของ Kheansang Studio
เขียนแสง สตูดิโอ เกิดจากที่เราอยากทำงานถ่ายภาพของตัวเองที่ทำเป็นอาชีพหลักให้เป็นชิ้นเป็นอันแบบจับต้องได้ด้วยการทำเป็นหนังสือหรือสิ่งพิมพ์อื่น ๆ ก่อนหน้านี้เราก็มีร้านกาแฟเขียนแสง ร้านกาแฟเล็ก ๆ ในเมืองสุพรรณฯ ของเราอยู่แล้ว เลยจัดสรรพื้นที่บางส่วนไว้ทำสตูดิโอ ออกแบบสิ่งพิมพ์ จัดวางหน้าหนังสือ โดยหลัก ๆ คือทำหนังสือของตัวเองในรูปแบบ Photobook แต่ก็รับผลิตหนังสือของคนอื่นด้วย ทั้งเพื่อนศิลปินที่ทำงานภาพถ่ายและองค์กรต่าง ๆ แล้วในอนาคตวางแผนว่าจะทำหนังสือจากงานภาพวาดหรืองานศิลปะอื่น ๆ ในเนื้อหาที่เราสนใจด้วย

จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์
โปรเจกต์ The River of Life ถ่ายทอดเรื่องราวของชุมชนปกาเกอะญอผ่านแม่น้ำเพชร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แม้จะมีความขัดแย้งสูง แต่ชุมชนยังรักษาวิถีชีวิตร่วมกับป่าไว้ได้ยาวนานกว่าทศวรรษ โครงการนี้สะท้อนปรัชญาของธรรมชาติและความรู้ตามแบบคนพื้นที่ที่มีความงดงามและลึกซึ้ง
“ในวันที่โลกผลิตเครื่องมือถ่ายภาพที่เพอร์เฟคให้เรา บางครั้งเราก็อยากกลับไปทำความพล่าเลือน นุ่มเบา หรือย้อนความทรงจำไปในยุคที่เทคโนโลยียังมาไม่ถึงจุดนี้”

ผมเลยเริ่มบันทึกชีวิตของพวกเขาโดยให้ “ต้นน้ำเพชร” เป็นใจกลางของเรื่อง เพราะคิดว่าเป็นแหล่งอาหารสุดท้ายที่เขาจะพึ่งพาได้ และยังคงทักษะของความเป็นมนุษย์ที่อยู่ร่วมกับป่าได้ต่อไป คือผมเสียดายองค์ความรู้ของพวกเขาหลังจากถูกบีบบังคับให้เปลี่ยนวิถีแบบกระทันหัน ระหว่างที่ล่องแพในแม่น้ำเพชร ชาวบ้านจะชี้ให้เราดูต้นไม้ต้นนั้นทีต้นนี้ทีแล้วบอกสรรพคุณและประโยชน์ของมัน บางครั้งก็แวะจอดแพลงไปเก็บผลไม้ป่ามาให้เราชิม องค์ความรู้ต่าง ๆ ของคนที่อยู่กับป่ามาหลายชั่วอายุคนมันจะหายไปแล้ว และเจ็บปวดมากเมื่อข้ออ้างของรัฐของคือ “การอนุรักษ์” และถ้าเราได้ล่องแพในแม่น้ำเพชร เราจะเห็นเศษซากซุงไม้ตะเคียนและมะค่าโมงต้นใหญ่ที่จมในน้ำในยุคที่รัฐให้สัมปทานป่าไม้ หรือไปดูที่หน้าที่ทำการอุทยานก็จะมีไม้มะค่าโมงต้นใหญ่ตั้งโชว์อยู่ ให้สัมปทานแล้วมาไล่ชาวบ้านด้วยข้อหาอนุรักษ์มันเจ็บปวดสำหรับเราจริง ๆ เป็นที่มาของ The River of Life ซึ่งมันจะไปรวมอยู่ในงานสารคดีเกี่ยวกับกะเหรี่ยงที่ผมถ่ายภาพมามากกว่า 15 ปีแล้ว และหวังว่าสักวันมันจะได้รวมเล่มเป็น Photobook

ทำไมถึงเลือกเลนส์ Nour Triplet V 2.0/64 Bokeh Control Art กับโปรเจกต์นี้ พอได้ลองใช้งานจริงแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
โดยปกติงานของเราถ้าเป็น Personal Project นี่เราจะใช้กล้องฟิล์ม มีเดียมฟอร์แมตขนาด 6x7 เป็นกล้องหลักเลย โดยงานล่าสุดหนังสือชื่อ LIKE A STONE ก็จะใช้ Mamiya RZ67 ทั้งหมด ส่วนงานจ้าง งานที่ทำให้องค์กรต่าง ๆ ก็จะใช้กล้องดิจิทัลทั่วไป แล้วหลังจากใช้กล้องดิจิทัลรุ่นใหม่มาสักพักหนึ่ง เรารู้สึกว่าภาพมันแข็ง ๆ เพราะความคมกริบของมันด้วยมั้ง เลยทำให้รู้สึกว่าภาพมันแข็งเกินไปถ้าเทียบกับภาพที่เราถ่ายจากกล้องฟิล์ม

เลนส์ Nour Triplet มันเหมือนเป็นตัวกลางที่ทำให้ภาพของเรามันดูนุ่มนวลขึ้น ทำให้ภาพที่มันแข็ง ๆ มันดูสมูทขึ้น มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ก็ต้องฝึกใช้เลนส์บ่อย ๆ เพราะระบบโฟกัสและการเลือกใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ ของเลนส์นั้นค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับเรา ที่ถ่ายภาพแบบออโต้โฟกัสมานานแล้ว การปรับเปลี่ยนฟังก์ชันของเลนส์ยังส่งผลต่อระยะโฟกัสด้วย อันนี้ต้องฝึกใช้เลนส์สักพักหนึ่งเพื่อทำความคุ้นเคย แต่พอใช้จนคุ้นเคยแล้วก็จะสนุกกับมัน ยิ่งพอเอารูปมาเปิดในจอใหญ่ ๆ หรือพิมพ์ลงกระดาษแล้วจะยิ่งเห็นคาแรกเตอร์ของเลนส์ชัดเจนมาก ๆ

ในฐานะที่ช่างภาพสารคดี คิดว่าการถ่ายภาพเป็นเครื่องมือที่ช่วยสื่อสารปัญหาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ไหม
เราว่ามนุษย์ใช้ภาพถ่ายสื่อสารประเด็นเล่านี้มานานหลายปีแล้ว เรายังเชื่อมั่นเสมอว่าภาพถ่ายมันก็ยังคงทำหน้าที่ของมันอยู่ตลอด มีคนเรียนรู้ประเด็นเล่านี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากภาพถ่ายที่แม้จะอยู่ในเสี้ยววินาทีบนจอโทรศัพท์ แต่ถ้าภาพนั้นมันดีพอที่จะทำให้ใครสักคนหยุดดูมัน ตั้งคำถามกับภาพถ่ายนั้น ๆ แล้วค้นหาเรื่องราวจากเนื้อหาในภาพนั้นไปเรื่อย ๆ ก็จะเกิดกระบวนการเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ หรืออาจมีใครบางคนสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ จากแรงบันดาลใจจากภาพถ่ายภาพหนึ่งก็ได้
"เราหวังแค่ว่าให้คนเปิดใจเรียนรู้หรือตั้งคำถามกับชุดความรู้เก่าที่เคยรับรู้มา แล้วช่วยเป็นพลังหนุนเสริมให้คนเล็กคนน้อยเหล่านั้นมีสิทธิ์มีเสียงในการเลือกทางเดินชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีของตัวเอง"

สุดท้ายแล้วฝากโปรเจกต์ที่กำลังจะเกิดขึ้น และช่องทางการติดตามเพิ่มเติมได้เลย
ขอขอบคุณ Year of Culinary Journeys ก่อนเลยครับที่สนใจงานของเราและให้ยืมเลนส์ไปใช้ทำงาน ส่วนโปรเจกต์นี้เราพยายามจะทำเป็น Photobook ในนามของ สำนักพิมพ์เขียนแสงในอนาคตอันใกล้นี้ แต่ยังต้องเก็บภาพเพิ่มเติมอีกสามสี่พื้นที่ แล้วก็มีโปรเจกต์อื่น ๆ ที่กำลังเริ่มต้นและอยู่ในกระบวนการอีกพอสมควร ทั้งเรื่องชาวเล และเรื่องราวของจังหวัดสุพรรณบุรีที่เป็นบ้านเกิดของเราด้วย ก็ฝากติดตามได้ที่ Instagram ครับ
© Year of Culinary Journeys — ข้อมูลและรูปภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของผลงาน